วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557



            กลไกสำคัญในการทำงานของอินเทอร์เน็ต คือ อินเทอร์เน็ตโพรโตคอล (Internet อินเทอร์เน็ตส่วนประกอบสำคัญของอินเทอร์เน็ตโพรโตคอลได้แก่ หมายเลขอินเทอร์เน็ตแอดเดรส หรือ ไอพีแอดเดรส (IP address) ที่ใช้ในการอ้างอิงเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆบนอินเทอร์เน็ตทั่วโลก เปรียบเสมือนการใช้งานโทรศัพท์ในการติดต่อสื่อสารกัน จะต้องมีเลขหมายเบอร์โทรศัพท์เพื่อให้อ้างอิงผู้รับสายได้ คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในอินเทอร์เน็ตก็ต้องมีหมายเลข IP Address ที่ไม่ซ้ำกับใคร
               นักวิจัยเริ่มพบว่าจำนวนหมายเลข IP address ของ IPv4 กำลังจะถูกใช้หมดไป ไม่เพียงพอกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตในอนาคตตระหนักถึงปัญหาสำคัญดังกล่าว จึงได้พัฒนาอินเทอร์เน็ตโพรโตคอลรุ่นใหม่ขึ้น คือ รุ่นที่หก(Internet Protocol version 6; IPv6) เพื่อทดแทนอินเทอร์เน็ตโพรโตคอลรุ่นเดิม โดยมีวัตถุประสงค์ IPv6 เพื่อปรับปรุงโครงสร้างของตัวโพรโตคอล ให้รองรับหมายเลขแอดเดรสจำนวนมาก 

          ประโยชน์หลักของ IPv6 และเป็นเหตุผลสำคัญของการเริ่มใช้ IPv6 ได้แก่ จำนวน IP address ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายมหาศาลเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวน IP address เดิมภายใต้ IPv4 IPv4 address มี 32 บิต ในขณะที่ IPv6 address มี 128 บิต ความแตกต่างของจำนวน IP address มีมากถึง 296 เท่า

ทำไมหมายเลข IPv6 address จึงมีความยาวแตกต่างกัน
          มายเลข IPv6 มี 128 บิต ประกอบไปด้วย กลุ่มตัวเลข 8 กลุ่มเขียนขั้นด้วยเครื่องหมาย “:” โดยแต่ละกลุ่มคือเลขฐาน 16 จำนวน 4ตัว (16 บิต) เช่น
          - 3fee:085b:1f1f:0000:0000:0000:00a9:1234
       - 0000:0000:0000:0000:0000:0000:0000:0001
       - fec0:0000:0000:0000:0200:3cff:fec6:172e
       - 2001:0000:0000:34fe:0000:0000:00ff:0321
สามารถเขียนย่อได้เป็น
          ::192.168.1.1
       ::ffff:192.168.1.1






วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557

สิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมอบรมสัมมนา เรื่องกฎหมาย IT

.....กฏหมายไอที.....
          เนื่องจากในปัจจุบันเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ มีการเชื่อมโยงกันทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตย่อมมีข้อมูลสารสนเทศที่ส่งผ่าน จากผู้ส่ง ไปยังผู้รับ และหากเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้น ไม่มีระบบความปลอดภัยที่ดี หรือรัดกุม ข้อมูลนั้นอาจจะถูกปรับเปลี่ยน ถูกจารกรรม หรือถูกทำลายไป โดยที่ผู้ส่ง และผู้รับ ไม่สามารถรับรู้ได้เลย ผู้ใช้ควรจะมีคุณธรรมและจริยธรรมพื้นฐานที่ต้องปฏิบั ติควบคู่กับการใช้งาน เพื่อเป็นการใช้งานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ร่วมกันอย่าง เหมาะสม
สิ่งที่ได้รับ....
1. ได้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายไอที มาตราต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องกับความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์หรือไอทีต่างๆ
2. นำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ จะได้ไม่ไปใช้ในทางที่ผิดทางเทคโนโลยี
3. เพื่อก่อให้เกิดการรับรองสิทธิและให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งอาจถูกประมวลผล เปิดเผยหรือเผยแพร่ ถึงบุคคลจำนวนมากได้ในระยะเวลาอันรวดเร็วโดยอาศัยพัฒนาการทางเทคโนโลยี
4. ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศโนโลยี คอมพิวเตอร์และไอทีต่างๆ


สถาปัตยกรรมของระบบเครือข่าย

               สถาปัตยกรรมของระบบเครือข่าย (Network Architecture) หรือโทโปโลยี (Topology) คือลักษณะทาง กายภาพ (ภายนอก) ของเครือข่ายซึ่งหมายถึงลักษณะของการเชื่อมโยงสายสื่อสารเข้ากับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ภายในเครือข่ายด้วยกันนั่นเอง โทโปโลยีของเครือข่าย แต่ละแบบมีความเหมาะสมในการใช้งาน แตกต่างกัน จึงมีความจำเป็นที่เราจะต้องทำการศึกษาลักษณะและคุณสมบัติ ข้อดีและข้อเสียของโทโปโลยีแต่ละแบบ เพื่อนำไปใช้ในการ ออกแบบ พิจารณาเครือข่ายให้เหมาะสมกับการใช้งาน รูปแบบของโทโปโลยีของเครือข่ายหลักๆ มีดังต่อไปนี้

1. โทโปโลยีแบบบัส (Bus Topology)
    เป็นโทโปโลยีที่ได้รับความนิยมใช้กันมากที่สุดมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ลักษณะการทำงานของเครือข่าย โทโปโลยีแบบบัส คืออุปกรณ์ทุกชิ้นหรือโหนดทุกโหนด ในเครือข่ายจะต้องเชื่อมโยงเข้ากับสายสื่อสารหลักที่เรียกว่า"บัส" (BUS) เมื่อโหนดหนึ่งต้องการจะส่งข้อมูลไปให้ยังอีกโหนด หนึ่งภายในเครือข่าย จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าบัสว่างหรือไม่
2. โทโปโลยีแบบวงแหวน (Ring Topology)
 
เป็นการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ากันเป็นวงกลม ข้อมูลข่าวสารจะถูกส่งจากโหนดหนึ่งไปยังอีกโหนดหนึ่ง วนอยู่ในเครือข่ายไปใน ทิศทางเดียวเหมือนวงแหวน (ในระบบเครือข่ายรูปวงแหวนบางระบบสามารถส่งข้อมูลได้สองทิศทาง) ในแต่ละโหนดหรือสถานี จะมีรีพีตเตอร์ประจำโหนด 1 ตัว ซึ่งจะทำหน้าที่เพิ่มเติมข่าวสารที่จำเป็นต่อการ สื่อสาร ในส่วนหัวของแพ็กเกจข้อมูล สำหรับการส่งข้อมูลออก
3. โทโปโลยีรูปดาว (Star Topology)
   เป็นการเชื่อมโยงการติดต่อสื่อสารที่มีลักษณะคล้ายรูปดาว หลายแฉก โดยมีสถานีกลาง หรือฮับ เป็นจุดผ่านการติดต่อกันระหว่างทุกโหนดในเครือข่าย สถานีกลางจึงมีหน้าที่เป็นศูนย์ควบคุมเส้นทางการสื่อสาร ทั้งหมด นอกจากนี้สถานีกลางยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางคอยจัดส่งข้อมูลให้กับโหนดปลายทางอีกด้วย การสื่อสารภายใน เครือข่ายแบบดาว จะเป็นแบบ 2 ทิศทางโดยจะอนุญาตให้มีเพียงโหนดเดียวเท่านั้นที่สามารถส่งข้อมูลเข้าสู่เครือข่ายได้ จึงไม่ม
4. โทโปโลยีแบบผสม (Hybridge Topology)
   เป็นเครือข่ายการสื่อสารข้อมูลแบบผสมระหว่างเครือข่ายแบบใดแบบหนึ่งหรือมากกว่า เพื่อความถูกต้องแน่นอน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการและภาพรวมขององค์กร

มาตรฐานของ wireless LAN

ระบบเครือข่ายแลนไร้สาย IEEE 802.11 (Wireless LAN)

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับมาตรฐาน IEEE 802.11
          มาตรฐาน IEEE 802.11 ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2540 IEEE (The Institute of Electronics and Electrical Engineers) และเป็นเทคโนโลยี สำหรับ WLAN ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุด คือ ข้อกำหนด (Specification) สำหรับอุปกรณ์ WLAN ในส่วนของ Physical (PHY) Layer และ Media Access Control (MAC) Layer โดยในส่วนของ PHY Layer มาตรฐาน IEEE 802.11 ได้กำหนดให้อุปกรณ์มีความสามารถในการรับส่งข้อมูลด้วยความเร็ว 1,2,5.5 ,11 และ 54 Mbps โดยมีสื่อ ประเภทให้เลือกใช้ ได้แก่ คลื่นวิทยุที่ความถี่สาธารณะ 2.45 GHz และ 5 GHz และ อินฟราเรด (Infrared)  (1 และ 2 Mbps เท่านั้น)

1. IEEE 802.11a
             ถูกเผยแพร่เมื่อปี พ.ศ. 2542  ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีและนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย  ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า CCK (Complimentary Code Keying) ผนวกกับ DSSS (Direct Sequence Spread Spectrum) รับส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 11 Mbps ผ่านคลื่นวิทยุความถี่ 2.4 GHz  ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้คลื่นความถี่นี้ ได้แก่ โทรศัพท์ไร้สาย, Bluetooth    มาตรฐาน IEEE 802.11b เป็นที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ใช้เครื่องหมายการค้าที่รู้จักกันดีในนาม Wi-Fi  โดยใช้ร่วมกับอุปกรณ์ยี่ห้อต่างๆ ที่มีเครื่องหมาย Wi-Fi ได้
 
2. IEEE 802.11b    
          ถูกเผยแพร่เมื่อปี พ.ศ. 2542  ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า OFDM (Orthogonal Frequency Division Multiplexing)  รับส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 54 Mbps แต่จะใช้คลื่นวิทยุที่ความถี่ 5 GHz ซึ่งเป็นย่านความถี่สาธารณะสำหรับใช้งานในประเทศสหรัฐอเมริกา  ซึ่งมีข้อเสียคือบางประเทศย่านความถี่ดังกล่าวไม่สามารถนำมาใช้งานได้อย่างสาธารณะ  เช่น ประเทศไทย  ซึงไม่อนุญาตให้มีการใช้งานเนื่องจากความถี่ย่าน 5 GHz ได้ถูกใช้สำหรับกิจการอื่นแล้ว  และรัศมีของสัญญาณมีขนาดค่อนข้างสั้น คือประมาณ 30 เมตร  จึงไม่เป็นที่นิยม
 
3. IEEE 802.11g
             ถูกเผยแพร่เมื่อกลางปี พ.ศ. 2546   IEEE 802.11g เป็นมาตรฐานที่จะเข้ามาทดแทนมาตรฐาน IEEE 802.11b  ใช้นำเทคโนโลยี OFDM มาประยุกต์ใช้ในช่องสัญญาณวิทยุความถี่ 2.4 GHz ซึ่งอุปกรณ์ IEEE 802.11g WLAN มีความสามารถในการรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุดที่ 54 Mbps ส่วนรัศมีสัญญาณของอุปกรณ์ IEEE 802.11g WLAN จะอยู่ระหว่างรัศมีสัญญาณของอุปกรณ์ IEEE 802.11a และ IEEE 802.11b เนื่องจากความถี่ 2.4 GHz เป็นย่านความถี่สาธารณะสากล  และสามารถที่จะใช้งานร่วมกันกับอุปกรณ์ที่ใช้มาตรฐาน IEEE 802.11b ได้จึงทำให้ไม่จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานของระบบไร้สายที่ใช้กันอยู่เดิมอย่าง IEEE 802.11b เพียงแต่อัพเกรดเฟิร์มแวร์เท่านั้นหรือใช้งานกับ Access Point เลยก็ทำได้เช่นเดียวกัน   ดังนั้นจึงมีแนวโน้มสูงว่าอุปกรณ์


 

 
 
 
 
 

วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ระบบปฏิบัติการ Windows 7

เทคนิคการทำงานของระบบปฏิบัติการ Windows 7
1.การติดดาวหน้าเว็บโปรด...
การติดดาวหน้าเว็ปโปรดนั้นสะดวกในการค้นหาครั้งต่อไปที่จะเปิด โดยไม่ต้องเข้าหลายๆหน้าเว็ปให้เสียเวลา

- เข้าเว็ปหน้าโปรด

- ใช้เมาส์ไปด้านขวามือทางด้านบนแล้วคลิกที่ดาวให้เป้นสีเหลืองแล้วจะมีหน้าต่างโผล่ออกมา(Bookmakr)แล้วจะมีคำว่าNameให้เราใส่ชื่อที่สะดวกในการค้นหาครั้งต่อไป

- แล้วพอครั้งต่อไปเราจะเข้าไปค้นหาไม่ต้องเข้าไปในwww.youtube.comแล้วพิมชื่อเพลงให้ยุ่งยากหลายขั้นตอน ให้เราพิมชื่อที่เราทำการBookmarkไว้แล้วมันจะขึ้นลิงค์มาให้เราคลิกลงไปเลย

- จะปรากฎหน้าเว็ปโปรดของเราทันที


วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วิวัฒนาการคอมพิวเตอร์


วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
จุดกำเนิกของคอมพิวเตอร์
                ได้ว่ามาจากแนวความคิดของระบบตัวเลข ซึ่งได้พัฒนาเป็นวิธีการคำนวณต่าง ๆ รวมทั้งอุปกรณ์ที่ช่วยในการคำนวณอย่างง่าย ๆ คือ" กระดานคำนวณ" และ "ลูกคิด" ในศตวรรษที่ 17 เครื่องคำนวณแบบใช้เฟื่องเครื่องแรกได้กำเนิดขึ้นจากนักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศษคือ Blaise Pascalในต้นศตวรรษที่ 19 ชาวฝรั่งเศษชื่อ Joseph Marie Jacquard ได้พัฒนาเครื่องทอผ้าที่สามารถตั้งโปรแกรมได้เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ป้อนข้อมูลและโปรแกรมเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคแรกๆต่อมาในศตวรรษเดียวกัน ชาวอังกฤษชื่อ Charles Babbage ได้ทำการสร้างเครื่องสำหรับแก้สมการโดยใช้พลังงานไอน้ำเรียกว่า difference engine และถัดจากนั้นได้เสนอทฤษฎีเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์สมัยใหม่ เมื่อเขาได้ทำการออกแบบ เครื่องจักรสำหรับทำการวิเคราะห์ (analytical engine)โดยใช้พลังงานจากไอน้ำ ซึ่งได้มีการออกแบบให้ใช้บัตรเจาะรูของ Jacquard ในการป้อนข้อมูล ทำให้อุปกรณ์ชิ้นนี้มีหน่วยรับข้อมูล หน่วยประมวลผลหน่วยแสดงผล และหน่วยเก็บข้อมูลสำรอง ครบตามรูปแบบของคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ แต่โชคไม่ดีที่แม้ว่าแนวความคิดของเขาจะถูกต้อง แต่เทคโนโลยีในขณะนั้นไม่เอื้ออำนวยต่อการสร้างเครื่องที่สามารถทำงานได้จริง อย่างไรก็ดี Charles Babbage ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาของคอมพิวเตอร์คนแรกและผู้ร่วมงานของเขาคือ Augusta Ada Byron ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเขียนโปรแกรมคนแรกของโลก

วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์มีทั้งหมด 6 ยุคด้วยกัน...

ยุคที่ 1 (The First Generation) ปี ค.ศ. 1951 – 1958
          คอมพิวเตอร์ในยุคแรกนี้ ใช้หลอดสูญญากาศในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ทำให้ต้องการกำลังไฟฟ้าเลี้ยงวงจรที่มีปริมาณมากและทำให้มีความร้อนเกิดขึ้นมาก จึงต้องติดตั้งเครื่องในห้องปรับอากาศ ความเร็วในการทำงานเป็นวินาที เครื่องคอมพิวเตอร์มีขนาดใหญ่ สื่อที่ใช้ในการเก็บข้อมูล คือ บัตรเจาะรู ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมเพื่อควบคุมการทำงาน คือ  ภาษาเครื่องซึ่งเป็นภาษาที่ใช้รหัสเลขฐานสอง
สรุป...
อุปกรณ์ : ใช้หลอดไฟสูญญากาศและวงจรไฟฟ้า
หน่วยวัดความเร็ว : วัดเป็นวินาที ( Second)ตัวอย่าง
ภาษาคอมพิวเตอร์ : ภาษาเครื่อง (Machine Language)
ตัวอย่างเครื่องคอมพิวเตอร์ : Univac I, IBM 650, IBM 700, IBM 704, IBM 705, IBM 709 
บัตรเจาะรูแบบ Difference Engine

ยุคที่ 2 (The Second Generation) ปี ค.ศ. 1959 – 1964
           เครื่องคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง กินไฟน้อยลง ราคาถูกลง เพราะมีการประดิษฐ์ทรานซิสเตอร์ขึ้นมาใช้แทนหลอดสูญญากาศ ทำให้ทำงานได้เร็วขึ้น ความเร็วในการทำงานเท่ากับ 1/103 วินาที (มิลลิเซคคั่น) และได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องมากกว่าใช้หลอดสูญญากาศ ทรานซิสเตอร์มีขนาดเล็กกว่าหลอดสูญญากาศ 200 เท่า และได้มีการสร้างวงแหวนแม่เหล็ก (Magnetic core) มาใช้แทนดรัมแม่เหล็ก (Magnetic drum) เป็นหน่วยความจำภายในซึ่งใช้ในการเก็บข้อมูลและชุดคำสั่งภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้เขียนโปรแกรมในยุคที่ 2 นี้ คือ ภาษาแอสแซมบลี้ (Assembly) ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้สัญลักษณ์แทนคำสั่งต่าง ๆ ทำให้เขียนโปรแกรมได้ง่ายกว่าภาษาเครื่องเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนี้ เช่น IBM 1620,IBM 401, Honeywell

สรุป...
อุปกรณ์ : ใช้ทรานซิสเตอร์(Transistor) แทนหลอดไฟสูญญากาศ
หน่วยวัดความเร็ว : วัดเป็นมิลลิวินาที ( Millisecond)
ตัวอย่างภาษาคอมพิวเตอร์ : ภาษาแอสแซมบลี (Assembly) , ภาษาฟอร์แทรน (FORTRAN) 
ตัวอย่างเครื่องคอมพิวเตอร์ : IBM 1620, IBM 1401, CDC 6600, NCR 315 , Honey Well          
Honeywell

ยุคที่ 3 (The Third Generation) ปี ค.ศ. 1965 – 1970
       เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกพัฒนามาใช้ในยุคนี้เป็นวงจรรวม หรือ เรียกว่าไอซี (IC : Integrated Circuit) ซึ่งเป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกบรรจุลงในแผ่นซิลิคอน (silicon) บาง ๆ ที่ เรียกว่า ซิป (Chip) ในซิปแต่ละตัวจะประกอบด้วยวงจรอิเล็กทรอนิกส์หลายพันตัว จึงทำให้คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็ลงกว่าเดิมแต่ความเร็วในการทำงานสูงขึ้น ความเร็วในการทำงานเป็น 1/106 วินาที่ (ไมโครเซคคั่น) กินไฟน้อยลง ความร้อนลดลงปละประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นแต่ก่อนที่คอมพิวเตอร์จะเป็นวงจรรวม คอมพิวเตอร์จะถูกออกแบบเพื่อใช้กับงานแต่ละอย่าง เช่น ใช้ในงานคำนวณหรือใช้กับงานธุรกิจ  ต่อมาบริษัท DEC (Digital Equiptment Corporation) ได้หันมามุ่งผลิตคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันกับ IBM มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer) จึงถูกพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรก ในช่วงยุคที่ 2 และนิยมใช้กันแพร่หลาย DEC ได้แนะนำมินิคอมพิวเตอร์เครื่องแรก และ PDP1 เป็นหนึ่งในมินิคอมพิวเตอร์ยุคแรกที่นิยมใช้กันแพร่หลายโดยเฉพาะในกลุ่มของนักวิทยาศาสตร์ นักวิศวกร และนักวิจัยตามมหาวิทยาลัย
สรุป...
อุปกรณ์ : ใช้วงจรแบบไอซี(IC)ซึ่งเป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกบรรจุลงในแผ่นซิลิกอน(Silicon)ที่เรียกว่า Chip
หน่วยวัดความเร็ว : วัดเป็นไมโครวินาที ( Microsecond)
ตัวอย่างภาษาคอมพิวเตอร์ : COBOL , PL/1 , RPG , BASIC
ตัวอย่างเครื่องคอมพิวเตอร์ : IBM 360 , CDC 3300 , UNIVAC 9400 BURROUGH 7500 , PDP1
UNIVAC



ยุคที่ 4 (The fourth Generation) ปี ค.ศ. 1971
             ในยุคนี้ได้มีการพัฒนาเอาวงจรรวมหลาย ๆ วงจรมารวมเป็นวงจรขนาดใหญ่ เรียกว่า LSI (Large Scalue Integrated) ลงในซิปแต่ละอัน บริษัทอินเทล (Intel) ได้สร้างไมโครโปรเซสเซอร์ (Microprocessor) ซึ่งเป็นซิป 1 อัน ที่ประกอบด้วยวงจรทั้งหมดที่ต้องใช้ในการประมวลผลโปรแกรมไมโครโปรเซสเซอร์ซิปที่ใช้ในเครื่องพีซี (PC : Personal Computer) มีขนาดกระทัดรัดประกอบด้วยส่วนประกอบของ ซีพียู (CPU) 2 ส่วน คือ หน่วยควบคุม (Control Unit) และ หน่วยคำนวณและตรรก (Arithmetic / Logic Unit)           
สรุป...
อุปกรณ์ : ใช้ระบบ LSI ( Large Scale Integrated ) ซึ่งเป็นวงจรที่ประกอบด้วยทรานซิสเตอร์หลายพันตัวและต่อมาได้รับการพัฒนาปรับปรุง                 เป็น VLSI ซึ่งก็คือ Microprocessor หรือ CPU
หน่วยวัดความเร็ว : วัดเป็นนาโนวินาที ( Nanosecond) และพิโควินาที (Picosecond)
ตัวอย่างภาษาคอมพิวเตอร์ : ภาษาปาสคาล (PASCAL) , ภาษาซี (C) IBM 370

IBM 370

ยุคที่ 5 (The Fifth Generation) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 - 1989
           ในยุคที่ 4 และยุคที่ 5 ก็จัดเป็นยุคของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันแต่ในยุคที่ 5 นี้มีการใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยการจัดการและนำมาใช้สนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหารจึงเกิดสาขา MIS (Management Information System) ขึ้น               ในปี ค.ศ 1980 ญี่ปุ่นได้พยายามที่จะสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ให้สามารถคิดและ ตัดสินใจได้เอง โดยสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มี“สติปัญญา”เพื่อใช้ในการตัดสินใจแทนมนุษย์จึงเกิดสาขาใหม่ขึ้นเรียกว่าสาขาปัญญาประดิษฐ์(AI : Artificial Intelligence) สาขาปัญญาประดิษฐ์เป็นสาขาที่เน้นถึงความพยายามในการนำเอากระบวนการทางความคิดของมนุษย์มาใช้ในการ แก้ปัญหาด้วยระบบคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้มีการตื่นตัวในการจัดเก็บข้อมูลเป็นระบบฐานข้อมูล (Database) การนำคอมพิวเตอร์มาใช้กับงานทางด้านกราฟิก และมีการพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software) เพื่อใช้กับงานเฉพาะอย่าง เช่น งานการเงิน งานงบประมาณ งานบัญชี งานสต๊อกสินค้า เป็นต้น

ยุคที่ 6 (Sixth Generation)  ปี ค.ศ. 1990- ปัจจุบัน
          ที่ผ่านมาทั้ง 5 ยุค พัฒนาการของคอมพิวเตอร์จะเป็นไปในทางการปรับปรุงการผลิต และการ เสริมสร้างความสามารถทางด้านการคำนวณของคอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นการจำกัด ความสามารถทางด้านการป้อนข้อมูล ในปัจจุบัน ความต้องการทางด้านการป้อนข้อมูลอย่างอิสระ โดยใช้เสียงและภาพ ซึ่งถือเป็นการป้อนข้อมูลโดยธรรมชาตินั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ ความต้องการคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่ไม่เป็นเพียงแต่เครื่องคำนวณจึงสูงขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในการแก้ปัญหาสังคมเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการติดต่อระหว่างประเทศและอื่นๆในช่วงทศวรรษปี1990 เช่น    
1) การพัฒนาด้านการผลิตของอุตสาหกรรม การตลาด ธุรกิจ     
2) การพัฒนาทางด้านการติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศ    
3) การช่วยเหลือทางด้านการประหยัดพลังงาน    
4) การแก้ไขปัญหาของสังคม การศึกษา การแพทย์
ความสามารถที่คอมพิวเตอร์ยุคที่ 6 ควรจะมี อาจแบ่งได้ดังนี้...
1. การพัฒนาปัญญาให้คอมพิวเตอร์เพื่อที่จะสามารถนำไปใช้เป็นผู้ช่วยของมนุษย์ได้สำหรับการพัฒนาด้านปัญญาของคอมพิวเตอร์หรือที่เรียกว่าAI(artificial intelligence)อาจกล่าวได้ว่าเป็นการพัฒนาด้านการป้อนข้อมูลด้วยเสียงและภาพความสามารถในการโต้ตอบด้วยภาษาพูด ความสามารถในการเก็บข้อมูลในด้านความรู้และการนำความรู้ไปใช้การค้นหาความรู้จากข้อมูลมหาศาสล และอื่น ๆ
2.   การลดความยากลำบากในการผลิตซอฟต์แวร์ เป็นการพัฒนาทางด้านการเขียนโปรแกรม พัฒนา ภาษาของโปรแกรมให้ง่ายขึ้น วิธีการติดต่อกับผู้ใช้ และอื่น ๆ

Cr. http://www.shc.ac.th/shc_media_online/media_m4/information/infor1.htm 

บุคคลสำคัญของคอมพิวเตอร์

บุคคลสำคัญของคอมพิวเตอร์

...Charles Babbage...
          เกิดปี ค.ศ. 1791 (พ.ศ. 2334) ที่อังกฤษ ในครอบครัวของนายธนาคาร แบบบิจเติบโตมาในยุคที่อังกฤษเป็นมหาอำนาจศึกษาระดับมหาวิทยาลัยที่ ทรินิตี้ คอลเลจ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ที่คณะคณิตศาสตร์ (Mathematical Laboratory)ช่วงเป็นนักศึกษา เขารวมกลุ่มกับเพื่อน ทำ induction of the Leibnitz notation for the Calculus ขึ้นจนมีชื่อเสียง ทำให้มหาวิทยาลัยต้องเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนการสอน. พอเรียนจบ แบบบิจก็ตัดสินใจเป็นอาจารย์ต่อที่คณะ. ในปี ค.ศ. 1814, แบบบิจสมรสกับ Geogiana Whitmore นักคณิตศาสตร์หญิงคนเก่งคนหนึ่งในยุคนั้นได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Fellow ของ Royal Society ปี ค.ศ. 1820 เขาตั้งชมรมด้านดาราศาสตร์ขึ้น พร้อม ๆ กับเริ่มทำงานวิจัยสำคัญของเขาในยุคต้น ที่ทำให้เขาโด่งดังมากคือ Difference Engineต่อมา แบบบิจขยายงานมาศึกษาเครื่องวิเคราะห์ เพื่อสร้างเป็น เครื่องจักรที่สามารถรองรับการคำนวณทุกชนิด แต่ก็เป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น เพราะเขาไม่สามารถสร้างออกมาในช่วงที่เขามีชีวิตอยู่ เนื่องจากมีคนไม่เห็นด้วยมากมาย เพราะความคิดของเขาทันสมัยเกินกว่าเทคโนโลยีในยุคนั้น จนทุก ๆ คนคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้พอปี ค.ศ. 1856, แบบบิจก็เริ่มมีฐานะขึ้นมาจากงานอื่นๆ เพราะนอกจากเป็นนักคณิตศาสตร์แล้ว เค้าก็ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรี การเมือง และเศรษฐกิจ อีกด้วยเขาจึงเอาเงินทุนมาลงทุนทำวิจัยด้านเครื่องวิเคราะห์ต่อ แต่ก็ต้องทำและแก้หลายครั้ง จนเขาเสียชีวิตไปในปี ค.ศ. 1871ช่วงก่อนตาย เขาเขียนหนังสือชื่อดัง (ดังยุคหลัง) ชื่อ Passages from the life of a Philosopherแบบบิจชอบไฟมาก ขนาดลองเอาเตาอบมาอบตัวเองเล่นที่ 265 องศาฟาเรนไฮต์เป็นเวลา 5-6 นาที หรือพยายามปีนภูเขาไฟเวซูเวียส เพื่อที่จะไปดูลาวาเดือด ๆ ถูกนิยามไว้ว่าเป็น one of the most profound thinker of the century
ผลงานของCharles Babbage...
1. ทำ induction of the Leibnitz notation for the Calculus
2. Difference Engine
3. เครื่องจักรที่สามารถรองรับการคำนวณทุกชนิด แต่ก็เป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥

...Lady Augusta Ada Byron...
           โปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2358แม่ของเอดา จึงตัดสินใจเลี้ยงดูเธอให้เป็นผู้หญิงสมัยใหม่ และให้ศึกษาด้านคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ต่างไปจากกุลสตรีในตระกูลใหญ่ๆ ของอังกฤษทั่วไปพออายุ 17 ปี ก็มีผู้แนะนำให้เอดารู้จัก Mrs. Somervilleเอดาจึงเข้ามาคลุกคลีกับเพื่อนกลุ่มนี้ จนได้รู้จักกับ ชาลส์ แบบบิจ ในงานสังสรรค์แห่งหนึ่งไม่มีใครสนใจแนวคิดนี้ของแบบบิจเลย ยกเว้นเอดา ซึ่งเธอรู้สึกสนใจในงานนี้เป็นอย่างมาก จนอาสาที่จะช่วยพัฒนา โดยสิ่งที่เธอทำคือ การสร้างภาษาสำหรับเครื่องวิเคราะห์ ต่อมา แผนการทำงานที่แบบบิจเขียนขึ้นมาชิ้นนั้น ก็ถูกยกย่องว่าเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตัวแรกของโลก เธอจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก เอดาก็ช่วยเขียนบรรยาย รายละเอียดการทำงานของเครื่องวิเคราะห์ แต่สุขภาพของเธอก็เริ่มมีปัญหา และสุดท้ายก็เสียชีวิตด้วยวัยเพียง 37 ปี
ผลงานของLady Augusta Ada Byron
1. โปรแกรมคอมพิวเตอร์ตัวแรกของโลก
2. สร้างภาษาสำหรับเครื่องวิเคราะห์
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥

...Herman Hollerith...
           เฮอร์แมน Hollerith (29 กุมภาพันธ์ 1860 - 17 พฤศจิกายน 1929) เป็นนักสถิติและนักประดิษฐ์ชาวอเมริกันผู้พัฒนาเครื่องจักรกลตีตารางบนพื้นฐานของบัตรกดอย่างรวดเร็วจัดระเบียบสถิติจากล้านของชิ้นส่วนของข้อมูล เขาเป็นผู้ก่อตั้งของ บริษัท เครื่องทำเป็นตารางที่ต่อมารวมเป็นไอบีเอ็ม Hollerith ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นบิดาแห่งการประมวลผลข้อมูลเครื่องจักรที่ทันสมัย​​ได้. ด้วยการประดิษฐ์ของเขาบัตรกดประเมินเครื่องจุดเริ่มต้นของยุคของระบบการประมวลผลข้อมูลอัตโนมัติถูกทำเครื่องหมาย ร่างของแนวคิดนี้ครอบงำภูมิทัศน์คอมพิวเตอร์เป็นเวลาเกือบหนึ่งศตวรรษเฮอร์แมน Hollerith เกิดลูกชายของผู้อพยพชาวเยอรมันศาสตราจารย์เฟรด Hollerith จากGroßfischlingenHollerith กดบัตร Hollerith ได้ออกจากการเรียนการสอนและเริ่มทำงานให้กับสำนักสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐในปีที่เขายื่นขอจดสิทธิบัตรครั้งแรกของเขา หัวข้อ "ศิลปะของการรวบรวมสถิติ" ก็ถูกฟ้องใน 23 กันยายน 1884; สหรัฐอเมริกาสิทธิบัตร 395,782 ได้รับในวันที่ 8 มกราคม 1889 
ผลงานของHerman Hollerith...
1. Hollerith กดบัตร เขายื่นขอจดสิทธิบัตรครั้งแรกของเขา หัวข้อ "ศิลปะของการรวบรวมสถิติ"
2. นักประดิษฐ์ชาวอเมริกันผู้พัฒนาเครื่องจักรกลตีตารางบนพื้นฐาน
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥

...Alan Turing...
          เป็นนักคณิตศาสตร์,นักตรรกศาสตร์, นักรหัสวิทยา และวีรบุรุษสงคราม ชาวอังกฤษ และเป็นที่ยอมรับว่าเป็นบิดาของวิทยาการคอมพิวเตอร์เขาได้สร้างรูปแบบที่เป็นทางการทางคณิตศาสตร์ของการระบุขั้นตอนวิธีและการคำนวณ โดยใช้เครื่องจักรทัวริง ซึ่งตามข้อปัญหาเชิร์ช-ทัวริงได้กล่าวว่าเป็นรูปแบบของเครื่องจักรคำนวณเชิงกลที่ครอบคลุมทุกๆ รูปแบบที่เป็นไปได้ในทางปฏิบัติในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ทัวริงมีส่วนสำคัญในการแกะรหัสลับของฝ่ายเยอรมัน โดยเขาเป็นหัวหน้าของกลุ่ม Hut 8 ที่ทำหน้าที่ในการแกะรหัสของเครื่องอินิกมาที่ใช้ในฝ่ายทหารเรือหลังจากสงครามเขาได้ออกแบบเครื่องคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถโปรแกรมได้เครื่องแรกๆ ของโลกที่ห้องปฏิบัติการฟิสิกส์แห่งชาติ และได้สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นจริงๆ ที่มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ รางวัลทัวริงถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อยกย่องเขาในเรื่องนี้นอกจากนั้นแล้วการทดสอบของทัวริงที่เขาได้เสนอนั้นมีผลอย่างสูงต่อการศึกษาเรื่องปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งในขณะมีถกเถียงที่สำคัญว่า: เป็นไปได้หรือไม่ที่จะกล่าวว่าเครื่องจักรนั้นมีสำนึกและสามารถคิดได้ชื่อของแอลัน ทัวริง ยังถูกพาดพิงถึงในเนื้อเรื่องของเกมคอมพิวเตอร์แนวสยองขวัญชื่อว่า "เอาท์ลาสท์" (Outlast) โดยในเนื้อเรื่องที่ถูกสมมุติขึ้นมานี้กล่าวว่า ทัวริงเป็นผู้ร่วมก่อตั้งองค์กร เมอร์กออฟ ร่วมกับ ดร.รูดอล์ฟ เวอร์นิค ซึ่งเป็นตัวละครสมมุติในเนื้อเรื่องของเกม
ผลงานของAlan Turing...
1. รูปแบบที่เป็นทางการทางคณิตศาสตร์ของการระบุขั้นตอนวิธีและการคำนวณ (ครื่องจักรทัวริง)
2. สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นจริงๆ (ที่มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์)
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥


...Konrad Zuse...
          เป็นนักประดิษฐ์และคอมพิวเตอร์เยอรมันผู้บุกเบิก ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือคอมพิวเตอร์โปรแกรมแรกของโลก;การทำงานของโปรแกรมควบคุมทัวริงสมบูรณ์ Z3 เริ่มปฏิบัติพฤษภาคม 1941 ขอบคุณที่เครื่องนี้และทำประโยชน์, Zuse ได้มักจะได้รับการยกย่องว่าเป็นนักประดิษฐ์ของคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยZuse ยังได้ตั้งข้อสังเกตสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ S2 ถือว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมกระบวนการแรก เขาก่อตั้งหนึ่งในที่เก่าแก่ที่สุดธุรกิจคอมพิวเตอร์ในปี 1941, การผลิต Z4 ซึ่งกลายเป็นคอมพิวเตอร์ในเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลก จาก 1943 1945  เขาออกแบบระดับสูงการเขียนโปรแกรมภาษาแรกPlankalkül.  ในปี 1969, Zuse แนะนำแนวคิดของจักรวาลการคำนวณที่ใช้ในหนังสือของเขา Rechnender Raumงานแรกของเขาได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและการพาณิชย์ของเขา แต่หลังจากที่ 1939 เขาได้รับทรัพยากรโดยรัฐบาลนาซีเยอรมัน.  เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่สองทำงาน Zuse เดินไม่มีใครสังเกตเห็นส่วนใหญ่ในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา อาจจะมีผลต่อเอกสารของเขาเป็นครั้งแรกใน บริษัท สหรัฐเป็นตัวเลือกของไอบีเอ็มเกี่ยวกับสิทธิบัตรของเขาในปี 1946
ผลงานของKonrad Zuse...
1. เวอร์เนอร์ฟอนซีเมนส์แหวนในปี 1964
2. แฮร์รี่กู๊ดเอชอนุสรณ์รางวัลในปี 1965
3. Bundesverdienstkreuz ในปี 1972 - ครอสที่ยิ่งใหญ่แห่งบุญ
4. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์เพื่อนที่ได้รับรางวัลในปี 1999
5. คอนราด Zuse เหรียญของ Gesellschaft für Informatik
6. คอนราด Zuse เหรียญของ Zentralverband เดดอย Baugewerbes
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥

...Prof.HowardH.Aiken...
          เป็นผู้บุกเบิกในการใช้คอมพิวเตอร์เป็นผู้ออกแบบความคิดเดิมหลังเครื่องคอมพิวเตอร์ของไอบีเอ็มฮาร์วาร์ฉันทำเครื่องหมายเรียนที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซินเมดิสันและต่อมาได้รับปริญญาเอกของเขาในฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ในปี 1939 สม ในช่วงเวลานี้เขาพบความแตกต่างว่าเขาสามารถแก้ตัวเลข เขามองเห็นภาพกลไฟฟ้าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่สามารถทำมากของการทำงานที่น่าเบื่อสำหรับเขา คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ แต่เดิมเรียกว่า ASCC (ลำดับอัตโนมัติควบคุมเครื่องคิดเลข) และต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นฮาร์วาร์มา I. ด้วยวิศวกรรมการก่อสร้างและการระดมทุนจาก IBM, เครื่องเสร็จสมบูรณ์แล้วและติดตั้งอยู่ที่ฮาร์วาร์ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1944 ลีลากระโดดเข้าร่วม โครงการในเดือนกรกฎาคมของปีนั้น. ในปี 1947 ไอเก็นเสร็จสิ้นการงานของเขาในคอมพิวเตอร์ของฮาร์วาร์ Mark II เขายังคงทำงานของเขาในมาร์ค iii และฮาร์วาร์ Mark IVมาร์ค iii ใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางอย่างและมาร์ค IV คือทั้งหมดที่อิเล็กทรอนิกส์มาร์ค iii และมาร์ค IV ใช้หน่วยความจำกลองแม่เหล็กและมาร์ค IV ยังมีหน่วยความจำแกนแม่เหล็กไอเก็นได้รับแรงบันดาลใจจากความแตกต่างของเครื่องยนต์ Charles Babbageนอกเหนือจากการทำงานของเขาในซีรีส์มาอีกส่วนที่สำคัญของไอเก็นคือการแนะนำของโปรแกรมปริญญาโทด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่ฮาร์วาร์  เกือบสิบปีก่อนที่โปรแกรมเริ่มปรากฏให้เห็นในมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เรื่องนี้กลายเป็นพื้นดินเริ่มต้นที่นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ในอนาคตหลายคนทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกภายใต้ไอเก็น
ผลงานของProf.HowardH.Aiken...
1. คอมพิวเตอร์ของฮาร์วาร์ Mark II
2. ฮาร์วาร์ Mark IV
3. รับรางวัลวันที่วิศวกรในปี 1958
4. เหรียญที่ระลึกแฮร์รี่กู๊ดเอชในปี 1964 
5. จอห์นราคา Wetherill เหรียญในปี 1964 
6. IEEE (สถาบันวิศวกรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์) เอดิสันเหรียญในปี 1970
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥

...Dr.JohnV.Atanasoff & Clifford Berry...
      ดร.จอห์น วินเซนต์ อตานาซอฟ และ คลิฟฟอร์ด แบรี่ ได้ประดิษฐ์เครื่อง "ABC"เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์อัตโนมัติแรกอิเล็กทรอนิกส์ดิจิตอลอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต้นดิจิตอคอมพิวเตอร์ที่ยังคงค่อนข้างคลุมเครือ ที่จะบอกว่ามันเป็นครั้งแรกที่มีการถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ จอร์จดับเบิล (Snedecor) หัวหน้าภาควิชาสถิติไอโอวารัฐเป็นผู้ใช้คนแรกของดิจิตอลคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์อย่างมากในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์โลกแห่งความจริง เขาส่งหลายปัญหาเหล่านี้ให้กับAtanasoff เดิมABCในที่สุดก็ถูกรื้อถอนเมื่อมหาวิทยาลัยแปลงชั้นใต้ดินห้องเรียนและทุกชิ้นของยกเว้นกลองหน่วยความจำหนึ่งถูกโยนทิ้ง ในปี 1997 ทีมนักวิจัยที่นำโดยจอห์นกุสตาฟจากอาเมสทดลอง  เสร็จสิ้นการสร้างแบบจำลองการทำงานของAtanasoff-Berry คอมพิวเตอร์ในราคา $ 350,000 แบบจำลองABCอยู่ในขณะนี้บนจอแสดงผลถาวรในล็อบบี้ชั้นแรกของศูนย์เดอร์แฮมในการคำนวณและการสื่อสารที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐไอโอวา พฤษภาคม 2012, มันเป็นที่ให้ยืมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์ใน Mountain View, California สำหรับการจัดแสดงนิทรรศการที่สำคัญ
ผลงานของDr.JohnV.Atanasoff & Clifford Berry
1. ประดิษฐ์เครื่อง "ABC" เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์อัตโนมัติแรกอิเล็กทรอนิกส์ดิจิตอล
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥

...Dr. John W. Mauchly & J. Presper Eckert...
          เป็นวิศวกรไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์อเมริกันผู้บุกเบิก กับจอห์น Mauchly เขาคิดค้นครั้งแรกโดยทั่วไปวัตถุประสงค์คอมพิวเตอร์ดิจิตอลอิเล็กทรอนิกส์ (ENIAC), นำเสนอหลักสูตรแรกในหัวข้อคอมพิวเตอร์ (มัวร์โรงเรียนบรรยาย) ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกที่ บริษัท คอมพิวเตอร์ในเชิงพาณิชย์ (Eckert-Mauchly Computer Corporation) และการออกแบบครั้งแรก คอมพิวเตอร์เชิงพาณิชย์ในสหรัฐยูนิแวกซึ่งเป็น บริษัท ประดิษฐ์ Eckert ของหน่วยความจำสายล่าช้าปรอท จอห์น Mauchly แล้วประธานภาควิชาฟิสิกส์ใกล้ Ursinus วิทยาลัยเป็นนักศึกษาในหลักสูตรอิเล็กทรอนิกส์ฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงต่อไปรักษาตำแหน่งการเรียนการสอนที่โรงเรียนมัวร์ ข้อเสนอ Mauchly สำหรับการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ดิจิตอลอิเล็กทรอนิกส์โดยใช้หลอดสูญญากาศหลายครั้งได้เร็วขึ้นและถูกต้องมากกว่าการวิเคราะห์ที่แตกต่างกันสำหรับการคำนวณตารางกระสุนสำหรับปืนใหญ่จับความสนใจของมัวร์โรงเรียนประสานงานกองทัพโทเฮอร์แมน Goldstine และ 9 เมษายน 1943 เป็น ที่นำเสนออย่างเป็นทางการในการประชุมที่อเบอร์ดีนพิสูจน์ Ground ผู้อำนวยพันเอกเลสลี่ไซมอน Oswald Veblen และอื่น ๆ สัญญาได้รับรางวัลสำหรับการก่อสร้างมัวร์โรงเรียนของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่นำเสนอซึ่งจะมีการตั้งชื่อ ENIAC และ Eckert ได้ทำโครงการหัวหน้าวิศวกร ENIAC เสร็จสมบูรณ์ในปลายปี 1945 และเป็นที่เปิดเผยต่อสาธารณชนในเดือนกุมภาพันธ์ 1946
ผลงานของJohn W. Mauchly & Persper Eckert...
1. สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ดิจิตอลอิเล็กทรอนิกส์โดยใช้หลอดสูญญากาศ
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥

...Dr. John Von Neumann...
           เป็นนักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายฮังการี มีผลงานสำคัญในหลายสาขา ทั้ง ควอนตัมฟิสิกส์ ทฤษฎีเซต วิทยาการคอมพิวเตอร์ เศรษฐศาสตร์ และ จะว่าไปแล้วก็ทุกๆ สาขาในวิชาคณิตศาสตร์ เลยก็ว่าได้ระหว่างปี ค.ศ. 1926 ถึง 1930 เขาทำงานเป็น "อาจารย์อิสระ" ดยในขณะนั้นเขาเป็นอาจารย์อิสระที่อายุน้อยที่สุดมหาวิทยาลัยเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนีในปี ค.ศ. 1930 นอยมันน์ได้รับเชิญให้ไปยังเมืองพรินซ์ตัน, รัฐนิวเจอร์ซีย์ และได้เป็นหนึ่งในหกบุคคล (J. W. Alexander, อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, Marston Morse, Oswald Veblen, จอห์น ฟอน นอยมันน์ และ Hermann Weyl) ที่ถูกคัดเลือกเพื่อเป็นอาจารย์ประจำชุดแรกของ Institute for Advanced Study เขาเป็นศาสตราจารย์คณิตศาสตร์ที่นั่น ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งสาขาวิชาในปี ค.ศ. 1933 จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตเขานช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง นอยมันน์ได้มีส่วนร่วมใน โครงการแมนฮัตตัน ซึ่งเป็นโครงการสร้างระเบิดปรมาณูช่วง ค.ศ. 1936 จนถึง 1938 แอลัน ทัวริง ได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนไปที่สถาบัน และเรียนจบปริญญาเอก โดยมีนอยมันน์เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา การไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนครั้งนี้ของทัวริง เกิดขึ้นหลักจากที่เขาได้ดีพิมพ์บทความวิชาการ "On Computable Numbers with an Application to the Entscheidungs-problem" ในปี ค.ศ. 1934 ได้ไม่นาน. งานตีพิมพ์นี้ เกี่ยวข้องกับ หลักการของ logical design และ universal machine. ถึงแม้จะเป็นที่แน่ชัดว่า นอยแมนรู้ถึงแนวความคิดของทัวริง แต่ก็ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เขาได้ใช้หลักการของทัวริง ในการออกแบบเครื่อง IAS ที่ถูกสร้างในเวลา 10 ปีต่อมานอยมันน์นั้น ได้รับการขนานนามว่าเป็น บิดาของทฤษฎีเกมเขาได้ตีพิมพ์หนังสือ Theory of Games and Economic Behavior โดยร่วมเขียนกับ Oskar Morgenstern ในปี ค.ศ. 1944 เขาได้คิดหลักการ "MAD" ซึ่งเทียบเท่าสำนวนจีนว่า "หยกกระเบื้องล้วนแหลกราญ" หรืออาจแปลไทยได้เป็น "รับรองได้ว่าเจ๊งไปด้วยกันทั้งคู่แน่" ซึ่งเป็นหลักการซึ่งใช้เป็นหลักสำคัญ ในการวางแผนกลยุทธ์ทางด้านอาวุธนิวเคลียร์ของอเมริกา ในช่วงสงครามเย็นนอยมันน์เป็นคนคิด สถาปัตยกรรมแบบ ฟอน นอยมันน์ ซึ่งใช้กันในคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ พูดได้ว่า คอมพิวเตอร์เกือบทั้งหมดในโลกนี้ เป็นเครื่องจักรแบบ ฟอน นอยมันน์ เขาเป็นผู้ริเริ่มสาขา cellular automata และได้สร้างตัวอย่างชุดแรกของ self-replicating automata โดยใช้แค่กระดาษกราฟ กับ ดินสอธรรมดาๆ (ไม่มีคอมพิวเตอร์ช่วยเลย) คำว่า เครื่องจักรแบบ ฟอน นอยมันน์ ยังหมายความถึง เครื่องจักรที่สร้างตนเองซ้ำได้นอยมันน์ได้พิสูจน์ว่า การใช้เครื่องจักรที่สร้างตนเองซ้ำได้ เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด ในการทำเหมืองขนาดใหญ่มากๆ อย่างการทำเหมืองบนดวงจันทร์ หรือ แถบดาวเคราะห์น้อย เนื่องจากกลไกแบบนี้จะมีการเติบโตเป็นแบบเลขชี้กำลัง
ผลงานของDr. John Von Neumann...
1. นอยมันน์นั้น ได้รับการขนานนามว่าเป็น บิดาของทฤษฎีเกม
2. ได้สร้างตัวอย่างชุดแรกของ self-replicating automata 
3. นอยมันน์ได้มีส่วนร่วมใน โครงการแมนฮัตตัน
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥

...Dr. Ted Hoff...
            เป็นหนึ่งในผู้คิดค้นไมโครโปรเซสเซอร์.ในปี 1954 เขาเป็นหนึ่งในเวสติงเฮาวิทยาศาสตร์สามารถค้นหา (ตอนนี้ Intel STS) เข้ารอบ. [8] เขาได้รับรางวัลจวร์ต Ballantine เหรียญในปี 1979 Brunetti รางวัล IEEE Cledo ในปี 1980 และแฟรงคลินสถาบันรับรองบุญในปี 1996 เขาได้รับการแต่งตั้งให้เข้าสู่หอเกียรติยศนักประดิษฐ์ในปี 1996 และได้รับเหรียญแห่งชาติของเทคโนโลยีและนวัตกรรมในปี 2009 จากประธานาธิบดีบารัคโอบามา เขาเป็นเพื่อนของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์ในปี 2009 [9] เขาได้รับ 2011 IEEE / RSE เจมส์วูลฟ์ได้รับรางวัลแมกซ์เวล.
ผลงานของDr. Ted Hoff
1. เขาได้รับรางวัลจวร์ต Ballantine เหรียญในปี 1979 
2. Brunetti รางวัล IEEE Cledo ในปี 1980 
3. แฟรงคลินสถาบันรับรองบุญในปี 1996 
4. ได้รับการแต่งตั้งให้เข้าสู่หอเกียรติยศนักประดิษฐ์ในปี 1996
5. ได้รับเหรียญแห่งชาติของเทคโนโลยีและนวัตกรรมในปี 2009
6. เจมส์วูลฟ์ได้รับรางวัลแมกซ์เวล IEEE / RSE 2011
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥
...Steve Jobs & Steve Wazniak...
          เป็นนักประดิษฐ์ชาวอเมริกันวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ผู้ร่วมก่อตั้งแอปเปิ้ลคอมพิวเตอร์ (ตอนนี้แอปเปิ้ลอิงค์ ) กับสตีฟจ็อบส์และโรนัลด์เวย์น ได้รับการออกแบบทั้งแอปเปิ้ลแอปเปิ้ลและฉัน II คอมพิวเตอร์ลำพังเดียว Wozniak ในปี 1970 ในช่วงปลาย คอมพิวเตอร์เหล่านี้มีส่วนสำคัญในการปฏิวัติไมโครคอมพิวเตอร์. 2007 ในการสัมภาษณ์กับข่าวเอบีซี Wozniak เล่าวิธีการและเมื่อเขาพบกันครั้งแรกสตีฟจ็อบส์: ". เราพบกันครั้งแรกในปี 1971 ในช่วงปีที่วิทยาลัยของฉันในขณะที่เขาอยู่ในโรงเรียนมัธยมเพื่อนบอกว่าคุณควรจะพบกับสตีฟจ็อบส์เพราะเขา ชอบอิเล็กทรอนิกส์และเขายังเล่นแผลงในปี 1973 งานกำลังทำงานให้กับ บริษัท เกมอาตาริ, Inc ใน Los Gatos, แคลิฟอร์เนีย. เขาได้รับมอบหมายในการสร้างแผงวงจรสำหรับการฝ่าวงล้อมวิดีโอเกมอาเขต ตามที่อาตาริผู้ร่วมก่อตั้งโนแลนเนลล์. ในปี 1971 เพื่อน Wozniak บิลเฟอร์นันเดแนะนำสตีฟจ็อบส์กับเขา ในขณะที่เฟอร์นันและงานที่ได้เข้าร่วมโรงเรียนมัธยมตั้งรกราก งานและ Wozniak กลายเป็นเพื่อนกันเมื่องานทำงานสำหรับฤดูร้อนที่ Hewlett-Packard (HP) ที่ Wozniak เกินไปถูกจ้างมาทำงานในเครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรม. นอกจากนี้ในปี 1971 Wozniak ถอนตัวออกจากมหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนียเบิร์กลีย์เพียงหนึ่งปี หลังจากที่ลงทะเบียนเรียน. วันที่ 29 มิถุนายน 1975 Wozniak ทดสอบต้นแบบการทำงานครั้งแรกของการแสดงตัวอักษรไม่กี่และทำงานโปรแกรมตัวอย่าง มันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ว่าตัวละครที่แสดงบนหน้าจอทีวีถูกสร้างขึ้นโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้านได้. ตอนแรกไม่เชื่อเชื่อว่าหลังจากงานที่ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จที่พวกเขาอย่างน้อยสามารถพูดกับหลานของพวกเขาพวกเขามี บริษัท ของตัวเอง.
ผลงานของSteve Jobs & Steve Wazniak...
1. ลีลากระโดด ในปี 1985
2. Wozniak ได้รับเหรียญเทคโนโลยีแห่งชาติ
3. ในปี 1979 ได้รับรางวัล Wozniak เมอเรย์ได้รับรางวัล ACM 
4. รางวัลเทลลูไรด์เทศกาลแห่งเทคโนโลยี ในเดือนพฤษภาคม 2011
5. ในเดือนธันวาคมปี 2005 Wozniak ได้รับรางวัลดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
6. สมาคมเกี่ยวกับเขาได้รับรางวัลวิทยาศาสตร์ไอแซคอาซิมอฟ ที่ได้รับรางวัล
   ในปี 2011
7. ในปี 2001 เขาได้รับรางวัลรางวัลที่ 7 ประจำปีฮีนซ์เทคโนโลยีเศรษฐกิจและ
   การจ้างงาน.
8. เดือนกันยายน 2000 Wozniak ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนักประดิษฐ์แห่งชาติ
   ฮอลล์ออฟเฟม
9. เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2014 ใน Los Angeles, สตีฟ Wozniak ได้รับ
   รางวัล 66 เหรียญจากฮูเวอร์IEEE 
10. เขาได้รับรางวัลระดับโลกของประธานาธิบดีอาร์เมเนียสำหรับเงินสมทบที่โดด
   เด่นเพื่อมนุษยชาติผ่านไอทีในปี 2011
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥
...Bill Gates...
             วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สาม (เกิด 28 ตุลาคม ค.ศ. 1955) หรือที่มักเป็นที่รู้จักในชื่อ บิล เกตส์ เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน และหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ เขากับผู้บุกเบิกด้านคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลคนอื่น ๆ ได้ร่วมกันเขียนต้นแบบของภาษาอัลแตร์เบสิก ซึ่งเป็นอินเตอร์เพรเตอร์สำหรับเครื่องอัลแตร์ 8800 (เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในยุคแรกๆ) เขาได้ร่วมกับพอล แอลเลน ก่อตั้งไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชันขึ้น ซึ่งในขณะนี้เขาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหาร และหัวหน้าสถาปนิกซอฟต์แวร์ นิตยสารฟอบส์ได้จัดอันดับให้ บิล เกตส์ เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกหลายปีติดต่อกันวิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สามได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการอัศวินแห่งจักรวรรดิบริเตน (KBE) จากสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2. ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2008 บิล เกตส์ และผู้บริหารไมโครซอฟท์หลายราย มีความต้องการที่จะยื่นข้อเสนอเทคโอเวอร์สโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลยูไนเต็ด แต่ภายหลังกระแสข่าวก็ได้เงียบหายไป. บิล เกตส์ ได้มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2548 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการมาเจรจากับคณะรัฐบาลเรื่องโครงการ Thailand.NET และแสดงวิสัยทัศน์ให้กับประชาชนทั่วไป โดยในช่วงเช้าได้รับประทานอาหารเช้ากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทยในขณะนั้น และ บุญคลี ปลั่งศิริ พร้อมด้วย Andrew McBean ผู้บริหารของบริษัทไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) หลังจากนั้นได้ขึ้นพูดที่ทำเนียบรัฐบาล และเข้าเฝ้า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสิ้นสุดภารกิจ ด้วยการขึ้นไปพูดที่ หอประชุมกองทัพเรือ ในงาน Thailand Digital Inspirationf. 
ผลงานของBill Gates...
1. ผู้บริหารระดับสูงแห่งปี
2. อันดับ 1 ในการจัดอันดับ 50 ดาวรุ่งในโลกไซเบอร์
3. รางวัลเกียรติยศผู้บัญชาการอัศวินแห่งจักรวรรดิบริเตน
4. ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการอัศวินแห่งจักรวรรดิบริเตน
5. ติดอันดับบุคคลผู้มีอำนาจ, นิตยสารซันเดย์ ไทม ค.ศ. 1999
6. ติดอันดับหนึ่งในการจัดอันดับมหาเศรษฐีโลกของนิตยสารฟอร์บ
7. อันดับที่ 28 ใน 100 อันดับบุคคลสำคัญผู้มีอิทธิพลในวงการกีฬา
8. อันดับ 2 ในการจัดอันดับ 100 ดาวรุ่ง, นิตยสารอัพไซด์ ค.ศ. 1999
9. นักกีฏวิทยา ได้ตั้งชื่อแมลงวันตอมดอกไม้พันธุ์หนึ่งว่า Eristalis gatesi
10. ติดหนึ่งใน 100 อันดับบุคคลสำคัญผู้มีอิทธิพลต่อประชาชนในสื่อต่าง ๆ
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥

แหล่งอ้างอิง...
- http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B9%8C_%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%88
- http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B2_%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9F%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%8B
- http://en.wikipedia.org/wiki/Herman_Hollerith
- http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%99_%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87
- http://en.wikipedia.org/wiki/Konrad_Zuse#Awards_and_honours
- http://en.wikipedia.org/wiki/Howard_H._Aiken#Biography
- http://en.wikipedia.org/wiki/Atanasoff%E2%80%93Berry_computer
- http://en.wikipedia.org/wiki/J._Presper_Eckert
- http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%99_%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%99_%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%8C
- http://en.wikipedia.org/wiki/Marcian_Hoff#Awards
- http://en.wikipedia.org/wiki/Steve_Wozniak#Apple_Computer
- http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%A5_%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B9%8C